วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สองแรกผลัก กับอีกหนึ่งใจบวก


เรื่องราวของเรามันนานมากมาย จนไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของความคิด ในครั้งนี้ กลับมาทำงานได้ 3 เดือนเต็ม ๆ แล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองมีค่า ไม่ได้นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เฉย ๆ เหมือนที่ผ่านมา อาการตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากกินอะไรก็อร่อย อ้วนขึ้น ๆ ตลอดเวลา จนเกือบจะเท่าเดิมอยู่แล้ว กำลังใจก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรหดหายไป ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นมา แต่ก็ยังมีกำลังใจที่จะอยู่ในโลกใบนี้อีกนานทีเดียว


จนเมื่อวานนี้ ได้คุยอย่างเปิดอกกับน้องสาวคนเล็ก เค้าเล่าให้ฟังว่า กลับไปบ้าน แม่ถามข่าวถึงคุณ ว่ามาบ่อยมั๊ย .. เป็นยังไงบ้าง ทำให้รู้ว่า ลึก ๆ แม่ยังเป็นห่วงอยู่ ยังเป็นห่วงหัวใจของลูกสาวคนนี้ ก็เลยบอกกับน้องสาวไปว่า รู้..และเข้าใจ ทุกวันนี้เข้าใจดีว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะให้ใครมาถามถึง มาหา คนไม่มีอนาคตอย่างเรา แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากมายแล้ว ไม่หวังอะไรที่สวยงาม สวยหรู ไปกว่านี้หรอก คุณก็ยังโทรมาหาทุก ๆ สองวัน มาหาทุกอาทิตย์ แต่ก็รู้อีกนั่นแหละว่า โทรมาเพราะต้องโทรมา ไม่ได้โทรมาเพราะคิดถึง เพราะเป็นห่วง เพราะอยากได้ยินเสียง หรือ เพราะรัก คุณก็โทรมางั้น ๆ แหละ แต่คุณโทรมาหา เราก็คุยกันปกติ เหมือนเพื่อน เหมือนคนสนิทกันมาก่อน ก็โทรมาหากัน ก็แค่นั้น ไม่ได้มี่แววหวาน หรือแสดงความรู้สึกมากไปกว่านี้ รู้ ..ไม่ใช้ไม่รู้ แต่จะไปบอกคุณว่า ไม่ต้องโทรมาหาหรอก ก็ไม่อยากจะพูด กลัวจะเสียน้ำใจ ในนาทีนี้ มีคนรู้สึกด้านบวกด้วย ดีว่าด้านลบ อยากให้คนจดจำตัวเรา ณ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ในสิ่งที่ดี ๆ ของเรา มากว่าสิ่งที่ไม่ดี ก็เลยปล่อยเลยตามเลย โทรมา..ก็คุย แต่ใจ..ปวดร้าว อยากปลดปล่อย อยากหนีจากสภาพแวดล้อมนี้ แต่ก็ต้องทนไปก่อน จนกว่าจะหาทางออกที่ดีกว่านีน้ หรือจนกว่าเราจะจากโลกนี้ไปแล้ว



คุณมาหาทุกอาทิตย์ วันอาทิตย์หลังจากคุณไปทำงาน ไปลั่นล้า ไปหาสาว หรือไปอะไรของคุณ ตอนเย็น คุณก็จะมาหา มากินข้าวด้วยกันกับน้อง ๆ คุยนิดหน่อย กินอิ่มคุณก็กลับ อันนี้ก็รู้..รู้ว่ามาเพราะหน้าที่ ไม่ได้มาเพราะคิดถึง อยากมา อยากเห็นหน้า แต่มาเพราะว่าต้องมา เหมือนคุณบังคับตัวเองไว้ว่าต้องมา ใจก็อยากจะบอกคุณว่า ไม่ต้องลำบากมาหรอก ถ้ายุ่งมาก ไม่ว่าง ก็ไม่ต้องมา เพราะเรากินข้าวคนเดียวได้ อยู่กับตัวเองได้ แต่ก็ไม่กล้าบอกออกไป กลัวคุณจะพูดออกมาว่า คนตั้งใจมาหาแต่มาพูดจาไม่ดีด้วย กลัวคุณจะเสียใจ เพราะเราต้องเจอกันทุกวัน และเราก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้ากันเลยสักนิด ในบางแง่มุม คุณอาจจะมีความรู้สึกดี ๆ มาหาก็ได้ ซึ่งแน่นอน เราดีใจ เราปลื้มใจดีใจทุกครั้งที่คุณโทรมาหา ที่เจอหน้าคุณ ที่เห็นคุณยิ้มแย้ม และที่เห็นคุณยังไม่มีใครใหม่
แม่เคยบอกเราตั้งนานแล้ว ตั้งแต่แม่เจอคุณ ตอนคุณไปส่งที่บ้าน แม่บอกว่า คุณไม่ได้ให้รักใคร่ชอบพออะไรเราหรอก เป็นเพื่อนคุยกันมากกว่า ในสายตาแม่ แม่มองคนเก่งอยู่แล้ว แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ ณ ตอนที่แม่บอก คุณกลับพูดอีกอย่างหนึ่งกับฉัน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เคยคุยกันในเรื่องแต่งงาน บอกคุณว่า แม่ถามถึง เมื่อไหร่จะลงเอยกัน ก็ถามคุณว่าจะให้บอกแม่ว่ายังไง คุณก็บอกว่าบอกแม่ไปเลย แม่จะเอาสินสอดเท่าไหร่ ขอเวลาอีก 2 ปี จนเวลาล่วงเลยมาปีที่ 4 แล้ว คุณก็ยังเงียบ เราก็ไม่เคยถามอะไรคุณอีกเลย เพราะเรารู้คำตอบแล้ว ว่าไม่มีวันนั้นแน่นอน เมื่อปีใหม่ปีที่แล้ว เดินทางกลับบ้านพร้อมกัน ตอนนั้นฉันยังไม่สบายมาก ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ระหว่างนั่งรถกลับด้วยกัน คุณบอกว่า “ปีนี้พี่เก็บเงินไม่ได้เลย รักษาตัวเองหมด เอาไว้ก่อนเน๊อะ” ฉันบอกคุณไปว่า ไม่เป็นไร คุณไม่สบายเอาชีวิตเราไว้ก่อน ตังค์ค่อยเก็บทีหลังก็ได้ ขอให้เราสบายดี สุขภาพดี ค่อยหาใหม่ นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราพูดเรื่องนี้กัน ถึงฉันจะเป็นโรคร้าย จะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ ณ ขณะที่ยังหายใจได้เองอยู่ ยอมรับว่า ยังหวังว่าเราจะได้แต่งงานกัน แต่ตอนนี้ ไม่เหลือความหวังนั้นแล้ว แม่เตือนมา น้องสาวเตือนมา สองแรงผลัก กับอีก 1 ใจของฉันที่อ่อนแรงลงผลักดัน อะไร ๆ ที่เคยเพ้อฝัน เริ่มจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงแล้ว .. เศร้าใจจัง เสียดายเวลาที่ผ่านมา แต่ก็ของคุณสำหรับที่ผ่านมาเช่นกัน เราไม่เข้มเข็งเอง เรายังทำใจไม่ได้ ถ้าจะอยู่ด้วยกัน ด้วยใจที่ไม่ได้รัก..การรักใครข้างเดียว มันเจ็บอย่างนี้นี่เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น