วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

เมื่อฉันเป็นมะเร็ง เยื่อบุโพรงมดลูก

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเป็นโรคที่ใครเป็นแล้วมักจะไม่รอด. ฉันมีเวลาอยู่บนโลกใบนี้น้อยลงกว่าที่คิดแล้ว ในวันที่ไม่สบายมาก ๆ แล้วไปหาหมอมาหลายโรงพยาบาลจนได้รู้ว่า เจอก้อนเนื้อที่มดลูก แล้วคุณหมอบอกว่า คาดว่าจะเป็นเนื้อร้าย เพราะดูจากลักษณะก้อนเนื้อ จากอาการที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ทุกอย่างหยุดนิ่ง หยุดหมุน สมองไม่วิ่ง เหมือนโลกหยุดนิ่งอยู่แค่ฉันคนเดียว ทำไม ทำไม ก็ในเมื่อเราก็ตรวจมะเร็งปากมดลูกทุกปี ไปหาหมอประจำไม่ได้ประมาท แต่ก็มาเจอจนได้ ในระยะที่หนักหนาสาหัสมาก ก้อนเนื้อใหญ่ประมาณ 12 ซม.อยู่ใกล้กับรังไข่ และสำไส้ใหญ่ ฉันต้องทำการผ่าตัดด่วน โชคดีที่ได้คุณหมอที่มีจรรยาบรรณของแพทย์สูงมาก ให้ความช่วยเหลือ และให้กำลังใจว่า ไม่เป็นไร มันเป็นที่ตัดได้ รักษาได้ หลังจากนอนโรงพยาบาลอยู่ 4 วัน ระหว่างรอผลของน้ำที่นำไปตรวจ และรอผลจากห้องแลป 12 มกราคม 2555 ก็ต้องเข้าห้องผ่าตัด ซึ่งคุณหมอบอกว่า เป็นเคสผ่าตัดใหญ่มาก ไม่เอาแผลสวย เอาชีวิตไว้ก่อน บายสามโมงเย็นฉันโดนเข็นไปห้องผ่าตัด ในใจกลัวมาก กลัวไม่ฟื้นกลับมาเห็นหน้าพ่อแม่อีก แต่ภายนอกคงไม่มีใครรู้ว่าฉันกลัวขนาดไหน เพราะฉันยังพูดคุยกับผู้คนจนนาทีสุดท้ายก่อนออกจากตียงคนไข้ เข้าไปในห้องผาตัด ก็โดนบล็อกหลัง เหมือนไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่ร่างกาย เจ็บจี๊ด สะดุ้งไป แล้วก็ชาไปหมดในช่วงล่าง หมอจัดท่าทางยังไงก็รู้สึกหมด สักพักเค้าก็เอายามาให้ดม แล้วก็มีอาการหายใจขัด ฉันพยายามจะยื้อลมหายใจสุดท้าย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แล้วฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
สามทุ่มมีความรู้สึกว่ามีคนเรียกชื่อ แต่ไม่สามารถลืมตาได้ รู้สึก ได้ยิน ได้ยินเสียงพ่อ เสียงน้องสาวคนเล็ก น้องคนรอง เสียงคุณ แต่ความรู้สึกตอนนั้นฉันหนาวมาก หนาวที่สุดที่เคยหนาวมา เลยพูดออกไปว่า หนาว แล้วก็รู้สึกว่ามีผ้าห่มมาห่มเพิ่มให้ ได้ยินเสียงพ่อบอกว่าจะกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาหาใหม่ แล้วพยาบาลก็บอกว่าให้นอนหลับไปเลยนะ แต่ฉันมีอาการคลื่นใส้ แล้วก็อาเจียนออกมา 2 ครั้ง เจ็บแผลมาก พยาบาลเอาผ้ามาเช็ดให้ ฉันนอนอยู่ใน ICU อยู่สองคืน สองวัน คุณหมอมาบอกว่า เป็นการผ่าตัดใหญ่มาก ใช้หมอถึง 4 คนในการผ่าตัดครั้งนี้ เนื่องจากก้อนเนื้อที่คิดว่าตอนแรกคือมะเร็งรังไข่ แต่จริง ๆ คือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ที่ออกมาโตข้างนอกโพรงมดลูก ใหญ่ขนาด 12 ซม. แล้วไปทับกับลำไส้ใหญ่ เกาะแน่นจนคุณหมอต้องทำการเลาะก้อนเนื้อออกจากลำไส้ แต่เนื่องจากมีแผลที่ลำไส้ คุณหมอกลัวเชื้อมะเร็งจะไม่หมดจึงตัดสินใจตัดลำไส้ส่วนที่ก้อนเนื้อทับออกและเอาสำไส้มาไว้ที่หน้าท้องก่อน จนกว่าจะรักษาจนปลอดเชื้อจึงค่อยมาว่ากันเรื่องเอากลับไปไว้ที่เดิม แล้วฉันก็ได้ออกมาอยู่ห้องปกติ ฉันรอดตายแล้ว เพื่อน ๆ พี่ๆ ที่ทำงานไปเยี่ยมกันไม่หยุด เยอะมาก ขอบคุณมากมาย เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดจริงๆ เวลาเราไม่สบายแล้วมีคนไปเยี่ยม กระเช้าดอกไม้ ตระกล้าของเยี่ยมเยอะเต็มไปหมด แต่ก็ยังกินอะไรไม่ได้ น้ำหนักฉันลดลงจากก่อนที่จะผ่าตัด 10 กิโลกรัม ก่อนหน้านั้นน้ำหนักก็ลดอยู่แล้ว ตอนนี้ฉันผอมลงรวม ๆ 20 กิโลได้ เป็นภาพลักษณ์ใหม่ของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันต้องอยู่โรงพยาบาลรวมทั้งหมดตั้งแต่ผ่าตัดจนเดินได้ 7 วัน ผิดคาดมาก เพราะฉันคิดว่าฉันคงจะนอนโรงพยาบาลนานมากแน่ ๆ เพราะแผลใหญ่ พ่ออยู่ด้วย 3 คืน ก็ให้พ่อกลับบ้าน เพราะเป็นห่วงแม่ แม่ก็ไม่สบ ายอยู่ด้วย ต้องมาอยู่กับหลานแค่สองคน อดเป็นห่วงไม่ได้ และฉันก็ดีขึ้นทุกวัน จนเริ่มเดินได้แล้ว น้อง ๆ ผลัดกันไปนอนเผ้า
แล้วฉันก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ดีใจมาก ๆ เพราะเบื่อและกังวลไปหมดเวลาอยู่โรงพยาบาล กังวลกลัวมันจะกลับมาอีก กลัวรักษาไปแล้วไม่ดีขึ้น มันเหนื่อย มันท้อ พอได้ออกจากโรงพยาบาลเหมือนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ เหมือนเป็นคนปกติ ที่ไม่ต้องเป็นภาระใครอีก อาการฉันดีขึ้นตามลำดับ ดำเนินชีวิตปกติ ฉันได้รับข่าวดีจากบริษัทฯ ว่า อนุญาตให้หยุดงานรักษาตัวได้ 6 เดือน และยังให้เงินเดือนเหมือนเดิมตลอดระยะเวลาที่หยุด ฉันดีใจมาก ๆ เพราะก่อนหน้านั้นฉันกังวลเรื่องนี้ตลอด ถ้าไม่สบาย ทำงานไม่ได้ แล้วจะมีเงินที่ไหนรักษาตัวและใช้ชีวิต ต้องไปเป็นภาระพ่อแม่ และน้อง ๆ ซึ่งไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เป็นสิ่งที่ฉันกลัวตลอดเวลา ที่จะเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรไม่ได้ เป็นภาระคนอื่น ครอบครัวไม่มีใคร ตัวคนเดียว มันช่างเดียวดายอะไรเช่นนี้ พอได้รับข่าวดีนี้ รู้สึกขอบคุณบริษัทฯ ขอบคุณผู้บริหาร ที่กรุณา สงสาร รอให้รักษาตัวจนหายแล้วกลับไปทำงานได้ ก็ยังพอมองเห็นอนาคตว่าฉันจะสู้ต่อไป

มีบทความดี ๆ มาฝาก

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หรือมะเร็งมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งอวัยวะสืบ
พันธุ์สตรีไทย ผู้คนชอบนำไปสับสนกับมะเร็งปากมดลูก ที่พบบ่อยเป็นอันดับ 1 โรคนี้ถ้ามาพบ
แพทย์ตั้งแต่แรกเริ่มมีอาการมักรักษาได้หายค่อนข้างสูง ดังนั้นมาทำความรู้จักโรคนี้กันดีกว่าค่ะ

มดลูกคืออะไร?

มดลูกเป็นอวัยวะที่มีลักษณะคล้ายชมพู่คว่ำอยู่เชื่อต่อด้านบนขอช่องคลอด เป็นที่ให้ทารกฝังตัว
และเจริญเติบโต เยื่อบุโพรงมดลูก คือ ผิงด้านในของมดลูกซึ่งในวัยเจริญพันธุ์ จะหนาตัวขึ้นทุก
เดือนเพื่อรับการฝังตัวของ ตัวอ่อน (ทารก) หากเดือนใดไม่มีการตั้งครรภ์เยื่อบุโพรงมดลูกจะ
สลายตัว ออกมาเป็นประจำเดือน (ระดู)

ส่วนปากมดลูกคือส่วนล่างสุดของมดลูกที่เชื่อมต่อกับช่องคลอด ปีกมดลูกก็คือ รังไข่และท่อนำ
ไข่ ที่อยู่ 2 ข้างเชื่อมต่อกับโพรงมดลูก

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกพบบ่อยแค่ไหน?

ในประเทศไทย พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี โดยพบประมาณ 3 คน/
แสนราย/ปี ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา หรือยุโรป พบบ่อยเป็นอันดับ 1

ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา ที่เริ่มมีลักษณะความเป็นอยู่คล้ายคลึงประเทศแถบ
ตะวันตกมากขึ้นทุกที จึงพบการเกิดมะเร็งชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก?

มะเร็งชนิดนี้เติบโตได้โดยการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจน ดังนั้นภาวะใดก็
ตามที่ทำให้มีฮอร์โมนเหล่านี้มากผิดปกติก็จะทำให้เสี่ยงต่อ การเป็นมะเร็งชนิดนี้ด้วย ได้แก่
1.การได้รับฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีได้ 2 กรณีด้วยกัน
1.1 ฮอร์โมนวัยทอง ฮอร์โมน วัยทองมีหลายชนิดและหลายส่วนประกอบ บางชนิด
(เอสโตรเจนอย่างเดียวไม่มีโปรเจสโตเจน) สามารถกระตุ้นโรคนี้ได้มาก บางชนิด
(เอสโตรเจนที่มีโปรเจสโตเจนร่วมด้วย) ก็ไม่ทำให้เป็นโรคนี้ ดังนั้นผู้ที่รับประทานฮอร์
โมนวัยทองควรปรึกษาแพทย์ก่อน และอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
1.2 สมุนไพร ยา สมุนไพรบางชนิดมีเอสโตรเจนปริมาณสูง เช่น กวาวเครือ และอีก
หลายชนิดมีเอสโตรเจนแฝงอยู่โดยไม่รู้ การรับประทานสมุนไพรบางตัวจึงอาจทำให้
เลือดระดูออกผิดปกติหรือเสี่ยงต่อการ เกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้
2.ความอ้วนในชั้นไขมันของคนเราเป็นที่สะสมของเอสโตรเจน ดังนั้นยิ่งอ้วนมากยิ่งมีความ
เสี่ยงเป็นโรคนี้มากขึ้น
3.ยารักษามะเร็งเต้านม ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังผ่าตัด บางรายแพทย์แนะนำให้รับประ
ทานยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (ทามอกซิเฟน) ซึ่งยานี้มีลักษณะคล้ายฮอร์โมนเอสโตร
เจนจึงกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกผิด ปกติได้ จึงสมควรได้รับการตรวจติดตามอย่าง
ใกล้ชิด
4.ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เมื่อเป็นมากๆ อาจมีสิว
ผิวมัน ขนดกร่วมด้วยกลุ่มนี้มีเอสโตรเจนสูงเช่นกัน
5.โรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมมีโอกาสกลาย
เป็นมะเร็งได้

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก ได้แก่
1.เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
2.ประวัติพันธุกรรม ญาติสายตรง เป็นมะเร็งสำไส้ใหญ่

ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อย่าเพิ่งตกใจนะคะ เพราะการมีปัจจัยเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็น
มะเร็งแต่จะได้เฝ้าระวัง ดูแลและรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการ

ป้องกันได้ไหม?

พบว่าการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ นอกจากนั้น
ยังช่วยกันการเกิดมะเร็งรังไข่ด้วย

มีอาการอย่างไร?

โชคดีมาที่โรคนี้มักเริ่มแสดงอาการแต่เนิ่นๆ นั่นคือ มีเลือดออกทางช่องคลอด เนื่องจากมะเร็ง
ชนิดนี้มักเกิดหลังอายุ 50 ปี ดังนั้น ผู้หญิงทุกคนที่มีเลือดออกหลังหมดประจำเดือนไปแล้วควร
รีบมาพบแพทย์

ผู้ที่ยังไม่ถึงวัยทอง แต่ถ้ามีอาการเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่รอบเดือน เช่น ออกกระปริดกระ
ปรอย หรือออกมามากและนานกว่าปกติ คือเกิน 7 วันต่อรอบ ก็ควรมาพบแพทย์เช่นกัน โดย
เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงข้างต้น อย่าลืมว่ายิ่งพบแต่ระยะแรกโอกาสหายยิ่งสูง มีอาการ
ผิดปกติอย่านิ่งนอนใจนะคะ ส่วนกรณีที่โรคเป็นมากแล้ว อาจมีอาการของมดลูกโตขึ้น ปวดท้อง
น้อย คลำได้ก้อนในท้องน้อย มดลูกไปกดกระเพาะปัสสาวะทำให้ปัสสาวะบ่อยหรือกดทวารหนัก
ทำให้อุจจาระลำบากได้ค่ะ

วินิจฉัยอย่างไร

การวินิจฉัยที่แน่นอนได้จากการนำเยื่อบุโพรงมดลูกไปตรวจทางพยาธิวิทยา (ส่องกล้องย้อม
เซลล์ดู) ซึ่งมักต้องขูดมดลูกให้ได้เนื้อเยื่อไปตรวจ

ในผู้ทีเคยมีบุตรแล้ว การขูดมดลูกทำได้โดยฉีดยาชา ส่วนผู้ที่ยังโสด หรือไม่เคยมีบุตรแพทย์มัก
วางยาสลบให้ไม่เจ็บ สามารถกลับบ้านได้หลังขูดมดลูก

ฟังแล้วอย่าเพิ่งกลัวนะคะ เมื่อมีอาการผิดปกติ คุณหมอตรวจแล้วจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป หากดู
แล้วไม่ค่อยเหมือนมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ก็คงไม่ต้องขูดมดลูกค่ะ

รักษาอย่างไร?

ทำได้โดยการผ่าตัด ซึ่งได้แก่ การตัดเอามดลูก ปากมดลูก ปีกมดลูก (รังไข่และท่อนำไข่) ออก
ร่วมกับการล้างน้ำในช่องท้องและสุ่มตัดต่อมน้ำเหลืองไปตรวจ

การผ่าตัดจะช่วยทำให้ทราบว่าผู้ป่วยอยู่ในระยะใดของโรค หากพบว่าเป็นระยะแรก กล่าวคือ มี
มะเร็งอยู่เฉพาะที่เยื่อบุโพรงมดลูก ยังมีการลุกลามเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกไม่มาก ไม่มีการ
กระจายของโรคไปอวัยวะอื่น การผ่าตัดที่กล่าวมาก็เพียงพอในการรักษา ไม่จำเป็นต้องได้รับ
การรักษาอย่างอื่นเพิ่มเติมผลการรักษาดีมาก

หากพบว่าเริ่มมีการลุกลามของมะเร็งลึกขึ้น หรือกระจายไปในอวัยวะข้างเคียง หลังผ่าตัดจำเป็น
ต้องได้รับรังสีรักษา (ฉายแสง) ร่วมด้วย โดยรังสีแพทย์จะพิจารณาฉายแสดงภายนอกหรือใส่
แร่ที่ช่องคลอด หรือทั้งสองวิธี แล้วแต่กรณี

ในกลุ่มที่มีการกระจายของโรคไปไกลๆ เช่น ช่องท้องด้านบน ตับ ปอด อาจต้องให้เคมีบำบัด
ร่วมด้วย ซึ่งผลการรักษาไม่ดี

สรุป

โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมีข้อดีคือ มักมีอาการเตือนแต่แรกเริ่ม กล่าวคือมีเลือดออกผิดปกติ
ทางช่องคลอด ดังนั้นการพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการผิดปกติจะช่วยให้รักษาได้แต่เนิ่นๆ โดย
ผ่าตัดเพียงอย่างเดียว โอกาสหายสูง

ข้อมูลจากบทความสาระน่ารู้เรื่องสุขภาพ โรงพยาบาลรามาธิบดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น