วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

เริ่มต้นการให้เคมีบำบัด (คีโม) เข็มที่หนึ่ง

25 มีนาคม คุณหมอลักษณา นัดให้ไปพบกับคุณหมอเคเณตร์ ที่เป็นคนผ่าตัดและเชี่ยวชาญด้านมะเร็ง เพื่อทำการนัดทำคีโมต่อไป พอพบคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า จะต้องทำการให้คีโม 6 เข็ม และให้สูตร์ยาคีโมตัวที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้มากนัก แต่แน่นอนผมจะร่วง ปวดเมื่อยตามร่างกาย คลื่นใส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย แต่ก็จะมียาช่วยหากเป็นเยอะ แล้วก็บอกว่า ขณะให้ยา เม็ดเลือดขาวจะลดลง ต้องไม่อยู่ในที่ ๆ คนเยอะๆ เช่นห้างสรรพสินค้า เพราะช่วงให้ยาเราจะอ่อนแอมาก ง่ายต่อการติดเชื้อ แล้วก็นัดหมายให้มาเจอกับคุณหมอนภดล ซึ่งเป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางการการให้เคมีโดยเฉพาะให้อีก 1 สัปดาห์ต่อมา พร้อมตรวจเลือด
วันที่ 7 เมษายน ก็มาพบคุณหมอนภดล รอนานมาก ตั้งแต่ บ่ายสองโมงกว่าจะได้พบ 4 โมงเย็นเข้าไปแล้ว พอเข้าไปพบ คุณหมอกลับบอกว่าไม่ทราบเรื่อง ว่าคุณหมอคเณตร์สั่งยาตัวไหนไว้ กี่เข็ม เราก็บอกว่าคุณหมอบอกสูตรยาให้แล้ว และบอกว่าจะต้องให้หกเข็ม แต่ระยะห่างแต่ละเข็มให้มาถามคุณหมอนภดลเอง เค้าก็บอกให้เราออกมาข้างนอกก่อนขอต่อสายคุยกับคุณหมอคเณตร์กอ่น จากนั้นก็เรียกเราเข้าไปไหม่ แล้วบอกว่า ตกลงกันได้แล้ว จริงๆ คุณหมอคเณตร์บอกและเขียนไว้แล้วในประวัติการรักษา แต่คุณหมอนภดลมองไม่เห็น พอเราถามว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ก็บอกแค่ว่า จะมีชาตามมือตามเท้านะ เราก็ถามว่าจะปวดตัวปวดกระดูกไหม ก็บอกว่า “ก็มีนะ แล้วแต่คน” เราไม่ค่อยประทับใจการรักษาของคุณหมอท่านนี้เท่าไหร่ ดูรีบ ๆ ไม่ค่อยใส่ใจคนไข้ มาสายทุกครั้ง แต่เข้าไปในห้องพบหมอไม่ถึง 5 นาที ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ถามว่าวันนี้จะได้ให้ยาเลยไหม ก็ตอบว่าให้มาถามพบายาล เดี๋ยวเค้าจะนัดหมายอีกที เราถามเยอะจำไม่ได้ถามอะไรมั่ง เราคุณหมอไม่มองหน้าเราเลย ก้มหน้ากุ้มตาเขียนอะไรบางอย่างในประวัติการรักษา เราก็เลยเงียบ จึงเงยหน้ามาถามเราว่า กลัวไหม ถ้าเครียดจะให้ยาคลายเครียด เราแบบว่าอิ้งเลย เรากลายเป็นคนเครียดในสายตาหมอ ที่จริงเราไม่ได้กลัว แต่เราไม่ได้คำตอบที่เราถามไปก็เลยถามเยอะ เพราะเราไม่รู้ เราไม่เคยเป็นมะเร็ง เราอยากรู้ไว้ หากมีอะไรที่มากกว่าที่หมอบอกว่า มันเหมือนผิดปกติ จะได้มาพบหมอหากมีอะไรที่ไม่ปกติขึ้นมา จนมานั่งรอนัดหมายก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ให้ยาวันไหน แล้วพยาบาลก็เดินมาบอกว่า คุณหมอนัด Admid จะนอนวันนี้เลยไหม มียาพร้อมแล้ว เราก็บอกว่าตกลง วันนี้เลยก็ได้ เพราะเราอยากให้ยาเร็ว ๆ จะได้รู้กันไปเลย จบการรักษาไปซะที แล้วสักพักก็มีพยาบาลมาบอกว่า เตียงคนไข้ยังไม่ว่าง แต่มีแจ้งไว้ว่าจะมี 1 เตียงออกวันนี้ประมาณ 2 ทุ่ม แต่เป็นเตียงห้องพิเศษคู่ คนไข้ต้องจ่ายเพิ่ม 1700 บาท ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น กว่าจะสองทุ่มเราจะไปอยู่ไหน จะกลับบ้านแล้วกลับมาอีกก็เสียเวลา เลยบอกไปว่างั้นพรุ่งนี้มาได้ไหม เพราะไม่แน่ใจว่าหากเตียงนั้นไม่ออก เราก็รอเก้อ เค้าก็ออกใบนัดให้ พรุ่งนี้ 5 โมงเย็น เราก็มาตามนัด ก็นึกว่าจะให้ยาเลย พรุ่งนี้เช้าออกจากโรงพยาบาล หากไม่เป็นอะไรมาก จะได้กลับโคราชทันก่อนสงกรานต์ เพราะเรากลัวคนเยอะ รถเยอะ ไม่สะดวกเดินทางจริง ๆ กลายเป็นว่ายังไม่ให้ยา นอนเฉย ๆ รอจนวันรุ่งขึ้นวันที่ 9 รอจนเที่ยงก็ไม่มีใครมาบอกว่ารออะไร จนเดินไปถาม เค้ายอกว่ารอยา เภสัชยังไม่จ่ายยาให้ อ้าว.. แล้วเมื่อวานบอกมียาพร้อม แล้วทำไมวันนี้ไม่จ่ายยา รอจนเที่ยงครึ่งพยาบาลเดินมาบอกว่า ได้ยาแล้ว รอบ่ายโมงค่อยเริ่มให้ ตอนนี้ให้น้ำเกลือ ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ยาแก้แพ้ ไปก่อน จนบ่ายโมงมาเดินยาคีโม มี 2 ขวด 1 ขวด 500 ซีซี เหมือนกระปุกน้ำเกลือต้องให้ 3 ฃั่วโมง แต่อีก 1 ขวดเล็ก ให้แค่ครึ่งชั่วโมง แต่เขาเข้าจริงๆ กว่าจะจบก็ 6 โมงเย็น จึงหมด เราก็ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ อาการไม่มีอะไรเลย มีอ่อนเพลียนิดหน่อย ไม่วิงเวียนหรืออะไร ก็เลยนอนตื่นขึ้นมาไม่มีอะไรผิดปกติ เลยเดินทางกลับโคราชวันรุ่งขึ้นตอนตีห้าของวันที่ 10 รถไมเยอะ มาถึงโคราชสองวันก็ไม่เป็นอะไรมาก พอเย็นวันที่สามของการให้คีโม เริ่มปวดเมื่อยตามร่างกาย เช้าวันที่ 4 ปวดมาก ปวดในกระดูก ท้องผูก เป็นไข้ หนาว และอยากแต่จะนอนอย่างเดียว ในที่สุดก็วันนี้หลังจากตื่นตีห้าไปช่วยแม่ที่บ้านแม่ ไปใส่บาตรกลับมา นอนทั้งวัน มีไข้ช่วงเช้า เป็นแบบนี้อยู่ 2 วันหนัก ๆ วันที่สามค่อยเบาบางลงแต่มีอาการท้องผูกอยู่ ชาตามมือตามเท้าหนักขึ้นจนหยิบจับอะไรก็เจ็บไปหมด เรากินยาระบายไป 4 เม็ดกลีบมาถ่ายปกติ กินยาแก้ปวดทุกวัน สัปดาห์ที่สองเริ่มดีขึ้นไม่ปวดมาก นิดหน่อย ท้องไม่ผูก แต่ยังชาตามมือตามเท้าอยู่ แล้วเราก็เข้ากรุงเทพฯ ไปตรวจเลือดตามหมอนัด และไปเจอหมอที่ศูนย์มะเร็งกรุงเทพฯ อีก ทางคุณหมอดูแผล ดูผลเลือด บอกว่าม็ดเลือดขาวต่ำมาก แนะนำว่าให้หมอทางคีโมฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ แต่พอมาบอกคุณหมอนภดล กลายเป็นว่า มันไม่ถูกต้อง มันหลอกตัวเองให้กลับมากินเยอะๆ เราก็ถามไปว่าต้องกินอะไรบ้าง เพื่อกระตุ้นเม็ดเลือดขาว เค้าบอกว่า “กินข้าว” ก็กินอยู่ทุกวัน กินเยอะด้วย แต่ที่ถามคือเราต้องการรู้ว่าอะไรจะได้กินอันนั้นเพื่อช่วยเม็ดเลือดขาว ทำไมตอบแบบนั้น เราอารมณ์เสียกับหมอคนนี้หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะมาสายมาก นัดคนไข้ 3 โมงเย็น ไม่เคยสักครั้งที่จะมาก่อน หรือมาตรงเวลา คนไข้รอนานคิวยาวเป็นหางว่าว พอเข้ามาตรวจการรักษาจริงๆ คนละไม่ถึง 5 นาที เราก็เลยแวะไปซื้อผักผลไม้มาเพื่อปั่นดื่มกินแทนน้ำ เผื่อจะช่วยได้ สัปดาห์ที่สามนี้ ผมร่วงเยอะมาก แค่เอามือลูบไปก็หลุดร่วงเป็นกำมือ หวีผมทีผมแทบหมอหัว กังวลมาก รับไม่ได้ที่จะหัวโล้น แต่ก็ซื้อวิกมาแล้ว พรุ่งนี้วันที่ 28 เมษา จะต้องเข้ากรุงเทพเพื่อพบหมอคนนี้อีกครั้งว่าเลือดจะผ่านหรือไม่ จะให้ยาเข็มที่สองได้เลยหรือเปล่า ภาวนาให้ได้ตามกำหนด เพราะเราก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้า น้ำหนักก็ขึ้นมา 3 กิโลแล้ว นอนก็หลับ ก็ไม่รู้จะทำยังไงอีกแล้ว กำลังใจอาทิตย์นี้เริ่มถดถอย อากาศร้อน แม่หงุดหงิดจนบางครั้งทะเลาะกับหลานรัก ก็มาลงและหาเรื่องที่เรา จนเราร้องให้มา 2 วันแล้ว ไม่อยากเป็นภาระแม่ แต่ที่บ้านก็ไม่มีครัว ยังไม่ได้ต่อเติมครัว ไม่มีเครื่องครัวที่จะทำกินเอง ก็ต้องไปกินข้าวบ้านแม่ แล้วกลับมาอยู่บ้านตัวเอง แต่ก็ไม่สบายใจที่มีเรื่องเคืองใจกับแม่ เราก็ไม่ได้ทำตัวเป็นภาระอะไรมากทุกอย่างช่วยตัวเองได้หมด ก็แค่อาศัยไปกินข้าวด้วย กับข้าวเราไปใส่บาตรปากซอย เราก็ซื้อมากินเองบ้าง วันไหนมีตลาดนัดเราก็ไปซื้อมาไว้ ไข่ซื้อมาเป็นแผง ผลไม้ซื้อมาปั่นกินเอง กินข้าวก็ล้างจาน ถูบ้านให้ เราว่าเราไม่ได้เป็นภาระให้ใครมากมายนะ แต่เราก็ไม่สบายใจอยู่ดีที่มาอาศัยแม่แบบนี้ คนคุ้นเคยโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบบ้าง เพื่อน ๆ ที่ทำงาน บ้าง พอมีกำลังใจต่อสู้ต่อไป คุณโทรมาหาทุกวัน ถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง กินอะไรบ้าง มีอาการอะไรไหม พอเห็นเรากังวลเรื่องผมร่วง คุณบอกว่าช่างมันเถอะ ให้มันร่วงไป ไม่ต้องห่วงสวย เพราะยังไงพี่ก็รักเหมือนเดิม แค่นี้เราก็น้ำตาไหล เค้าจะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน เราจะอยู่ได้นานแค่ไหน เค้าจะเสียเวลากับเราไปเฉย ๆ หรือเปล่า

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ22/8/55 17:13

    สู้ๆคับ ผมก็เป็นมะเร็งคนนึง อาการแพ้ยาเหมือนคุนนี้แหล่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริง ๆ สำหรับกำลังใจที่ฝากไว้ให้
    กำลังใจสำคัญจริง ๆ ค่ะ คุณก็สู้ ๆ เช่นกันนะคะ ตอนนี้มนต์จบการรักษาไปแล้ว เหลือแค่ติดตามผล คุณหมอบอกว่า หากภายในสองปี ไม่พบเชื้อมะเร็งอีกให้ถือว่าหาย 90% หากภายในห้าปีไม่เจอก็ถือว่าหายแล้ว 99% ก็อยากหาย ยังอยากมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าไม่ไหว ก็ไม่กลัวที่จะจากไป มนต์ขอเป็นกำลังใจให้คุณเช่นกันค่ะ

    ตอบลบ